jautogas

มาตรฐานงานติดตั้ง และ อุปกรณ์แก๊ส LPG/NGV => เกล็ดความรู้ และ ข้อมูลทางด้านเทคนิค => ข้อความที่เริ่มโดย: J-Autogas ที่ ตุลาคม 12, 2011, 07:14:34 pm



หัวข้อ: วิธีการป้องกันรถยนต์เมื่อโดนน้ำท่วมให้เกิดความเสียหายน้อยที่สุด
เริ่มหัวข้อโดย: J-Autogas ที่ ตุลาคม 12, 2011, 07:14:34 pm
สำหรับพื้นที่  ที่คาดว่า น้ำจะท่วมเข้าไปถึง  หรือ  รถจอดอยู่ในพื้นที่น้ำท่วมถึง  และไม่สามารถนำรถ หนีน้ำออกมาได้   แนะนำให้หาวิธี  ป้องกันน้ำเข้ารถให้สุดความสามารถ เพราะถึงแม้ว่า  รถจะมีประกันภัยชั้นหนึ่ง  ซึ่งจะคุ้มครองตัวรถ ในกรณีรถโดนน้ำท่วม  ทางบริษัทประกันจะทำการซ่อมรถให้  กลับสู่สภาพเดิมสามารถใช้งานได้ปกติ  แต่ ระยะเวลา กว่า  ประกันจะเคลมให้   กว่ารถจะได้ รอคิวเข้าซ่อมตามศูนย์ บริการรถยนต์  และ จากจำนวนรถที่ประสบภัยน้ำท่วม จำนวนมาก   จะทำให้ ระยะเวลาในการซ่อมรถหลังน้ำลดแล้ว  จะกินเวลา  นานหลายเดือน ครับ  

ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุด คือ  ต้องป้องกันไม่ให้รถโดนน้ำท่วม  หรือ  น้ำเข้ารถได้ครับ

สำหรับท่านที่อยู่ในภาวะเสี่ยง หรือ ไม่มั่นใจ ว่าจะรอดพ้น หรือไม่ แนะนำ ให้หาซื้อ ยางในรถสิบล้อ ประมาณ 4 วง ติดไว้กับบ้านครับ  หากน้ำท่วมเข้ามา แล้วไม่สามารถนำรถหนีได้ทัน สามารถใช้ยางเหล่านี้  เป็นตัว รองเพื่อดันให้ตัวรถ ลอยเหนือ น้ำได้ครับ

ย่านแจ้งวัฒนะ มีร้านปะยาง ที่อยู่ติดกับร้านผมอยู่  ขายอยู่ เส้นละ 450 บาท ท่านใด สะดวก มาซื้อไปเก็บไว้ได้ครับ

(ปล. ตอนนี้ ถนนเส้นแจ้งวัฒนะ ตั้งแต่ หลักสี่ จนถึง  แยกคลองประปา น้ำท่วมเส้นทางรถเล็กผ่านไม่ได้ แต่ ตั้งแต่แยกคลองประปา ขึ้นไป ปากเกร็ด น้ำ ยังไม่ท่วม ถนนแห้งตลอดสาย ครับ)


สำหรับกรณีที่รถโดนน้ำท่วม  กรณีที่เราไม่สามารถเคลื่อนย้ายรถ หนีน้ำขึ้นที่สูงได้ทัน  และรถจำเป็นต้องจอดและโดนน้ำท่วมสูง การป้องกันตัวรถเพื่อให้เกิดความเสียหาย กับ ตัวรถยนต์ให้น้อยที่สุด หรือ ซ่อมแซมหลังน้ำท่วมให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้
หลักๆ จะแนะนำ ตามนี้

 ก่อนรถจะโดนน้ำท่วม

1 ให้ปลด ขั้วลบ  อย่างเดียว  หรือ ปลดขั้วบวก ด้วย ก็ได้  เหตุผล  หากยังมีระบบไฟเลี้ยงระบบในรถยนต์อยู่  ชิ้นส่วนที่เป็นระบบ กล่องควบคุมเครื่องยนต์ ส่วนมากรถยนต์ สมัยใหม่ที่ กล่อง ecu เครื่องยนต์ออกแบบมาให้กันน้ำ และติดตั้งอยู่ในห้องเครื่องยนต์  กล่องควบคุมเหล่านี้จะกันน้ำได้ 100 % คือมั่นใจ ได้ว่า น้ำจะไม่เข้า ภายในวงจร ของ กล่อง ecu  แน่นอน  แต่ หากยังมีไฟเลี้ยงระบบ เหล่านี้อยู่  จะทำให้เกิดการซ๊อต วงจร ในขณะที่โดนน้ำท่วม  แล้วตัวกล่องจะเสียหายได้ แต่ ถ้าเรา ปลดไฟเลี้ยง ออกก็จะไม่มีไฟเลี้ยงวงจร  ถึง รถจะจมน้ำ  แต่ กล่องเหล่านี้จะไม่เสียหาย

2 ตัวเครื่องยนต์ หากสามารถทำได้  ให้หาวิธี  หาวัสดุ อุดลิ้นปีกผีเสื้อให้สนิท  อาจใช้ ถุงพลาสติก  ผูกปากลิ้นปีผีเสื้อด้วยยาง ให้แน่น เพื่อป้องกัน น้ำเข้าสู่ ท่อร่วมไอดี

ส่วน ท่อไอเสีย   ก็ให้หา ถุงพลาสติก  คลุมปลายท่อไอเสีย แล้ว ผูกยาง เพื่อป้องกันน้ำไหล ย้อนเข้าไป

3 ส่วน กล่อง ecu gas หากสามารถกระทำได้  ให้ถอด กล่องecu เหล่านี้ออกจากตัวรถ  เพราะส่วนมาก กล่องเหล่านี้ สามารถปลดออกได้ไม่ยาก  และ ความสามารถในการกันน้ำ  อาจยังไม่สามารถกันน้ำ ได้  100 % เมื่อเทียบ กับ การป้องกันของ กล่อง ecu รถยนต์

4 ส่วนภายในตัวรถยนต์ การป้องกันไม่ให้น้ำเข้าไปในภายตัวรถยนต์ เป็นเรื่องที่ทำได้ยาก  หลังจากโดนน้ำท่วม แล้ว  จำเป็นต้องมีการรื้อถอด ชิ้นส่วน เบาะนั่ง  พรม ฝ้า เพื่อไล่ ความชื้น และ จอดรถตากแดด


หัวข้อ: Re: วิธีการป้องกันรถยนต์เมื่อโดนน้ำท่วมใ
เริ่มหัวข้อโดย: J-Autogas ที่ ตุลาคม 12, 2011, 08:12:12 pm
การแก้ไข หลังรถจมน้ำ

หลังน้ำลดแล้ว  ห้ามใส่ขั้วแบตเตอรี่ กลับ เพื่อสตาร์ทเครื่องยนต์ ใดๆ ทั้งสิ้น
ให้ดำเนินการตามด้านล่างดังนี้  กรณี จะทำการซ่อมแซมด้วยตนเอง

1 หากน้ำเข้าไปในตัวรถ ให้ทำการ รื้อเบาะ  รื้อพรม รื้อฝา เพื่อทำการ ไล่ความชื้น  และทำการตากแดด  ให้แห้ง จากนั้น เป่าลม ไล่ความชื้นบริเวณตัวรถ  ถอด พวกยางอุด ตาน้ำบริเวณ พื้นรถ เพื่อให้น้ำไหล ออกจากตัวรถ  ไล่ ความชื้น  แล้วจอด ตากแดด

2 ส่วนห้องเครื่องยนต์   ให้ทำการ  ถอด หัวเทียน ออก    ถ่ายน้ำมันเครื่องยนต์ออก  เปลี่ยนไส้กรองอากาศ  ส่วนของระบบเกียร์อัตโนมัติ  จำเป็นต้องเปลี่ยนถ่ายใหม่ด้วย  แต่ ถ้าไม่สะดวก ให้นำรถไปเปลี่ยนถ่ายที่ศูนย์บริการ

3 ใช้ลมแรงดันสูง  หรือ  โบลเวอร์เป่าลมแรง ที่มีขาย ตามโฮมโปร (การเลือกซื้อโบลเวอร์เป่าลม ควรเลือกยี้ห้อ ที่มีคุณภาพสูง ถึงแม้ราคาจะสูง แต่ มีความปลอดภัยสูงในการใช้งาน หากใช้ของคุณภาพต่ำ หากเป่าไล่ ความชื้นเป็นเวลานาน ตัวใบพัดลมที่หมุนด้วยความเร็วสูง ติดต่อกันเป็นเวลานาน อาจแตกเสียหาย แล้วทำให้เกิดอันตรายได้  แนะนำอุปกรณ์ที่ผลิตจากประเทศญี่ปุ่น เช่น makita (แท้)) เป่าไล่ ความชื้น บริเวณ จุดสายไฟ ต่างๆ  ใช้น้ำยา ไล่ความชื้น  ไล่ ฉีด บริเวณ ปลั๊กขั้วต่อ เซ็นเซอร์ต่างๆ ทั้งหมด


หัวข้อ: Re: วิธีการป้องกันรถยนต์เมื่อโดนน้ำท่วมให้เกิดความเสียหายน้อยที่สุด
เริ่มหัวข้อโดย: J-Autogas ที่ ตุลาคม 12, 2011, 08:28:42 pm
เมื่อเป่าลม ไล่ความชื้น บริเวณสายไฟ   ไล่ความชื้นบริเวณข้อต่อ ต่างๆ รวมทั้ง บริเวณขั้วต่อ กล่อง ecu เครื่องยนต์    เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง กรองอากาศ  ถอดหัวเทียน ออกทั้งหมด 4 หัวแล้ว

จากนั้นให้ใส่ขั้วแบตเตอรี่  กลับคืน  แล้ว สตาร์ทเครื่องยนต์ ให้หมุนฟรี ตัวเปล่า  ติดต่อ กันเวลานาน ประมาณ  1 นาที เพื่อไล่ น้ำ ที่อาจติดค้างอยู่ในกระบอก หรือ ที่เล็ดลอดเข้าไป ให้ไล่ ออกมาให้หมด

ต่อไป  ให้ประกอบ หัวเทียน กลับคืน  ทั้งหมด  แล้ว เปิดสวิตซ์ กุญแจ ในตำแหน่ง on  แล้ว สังเกต  ไฟสัญญาณ ต่างๆ บริเวณหน้าปัด  ว่า ไฟต่างๆ ขึ้นครบหรือไม่

สิ่งสำคัญ  ไฟเตือนรูปเครื่องยนต์ ต้องติดโชว์ขึ้นมา     หากไฟรูปเครื่องยนต์ ไม่ติดโชว์ขึ้นมา  กล่อง ecu  เครื่องยนต์ อาจเสียหายได้   

เมื่อสังเกตเห็นว่า ไฟสัญญาณ เตือนต่างๆ ขึ้นครบทั้งหมด  ให้ทดลองสตาร์ทเครื่องยนต์  หากเครื่องยนต์ติดได้ปกติ  ก็ถือว่า ไม่มีอุปกรณ์ใด เกิดการเสียหาย จากน้ำท่วม  ให้นำรถเข้าศูนย์บริการ เพื่อเปลี่ยนถ่าย ของเหลว ส่วนที่เหลือ ทั้งหมด  ได้แก่  น้ำมัน เกียร์อัตโนมัติ  น้ำมันเบรค  น้ำมันคลัทซ์  น้ำมันพวงมาลัยเพาเวอร์ หรือ น้ำมันส่วนอื่นๆ

http://www.weekendhobby.com/offroad/toyota2700club/Question.asp?ID=1564


หัวข้อ: Re: วิธีการป้องกันรถยนต์เมื่อโดนน้ำท่วมให้เกิดความเสียหายน้อยที่สุด
เริ่มหัวข้อโดย: J-Autogas ที่ ตุลาคม 12, 2011, 08:41:56 pm
แนวการแนะนำแบบนี้  ใช้ได้ สำหรับรถยนต์รุ่นใหม่ ที่กล่อง ecu เครื่องยนต์ ได้ออกแบบมาให้กันน้ำได้ 100 % และตัวกล่อง ได้ถูกติดตั้งไว้ในห้องเครื่องยนต์

สำหรับรถยนต์รุ่นเก่ากว่านั้น  และกล่อง ecu  รถยนต์ได้ถูกติดตั้งไว้ ในห้องโดยสาร  จะเป็นกล่อง ecu  รถยนต์แบบไม่กันน้ำได้   ถึงแม้ว่า จะถอดขั้วแบตเตอรี่ ออกแล้ว แต่ ชิ้นส่วนของวงจร ได้สัมผัส กับน้ำมัน  อาจทำให้ตัวกล่อง เครื่องยนต์เสียหายได้  ถึงแม้ว่า จะได้ถอดขั้วแบตเตอรี่ออกแบบ  ดังนั้น รถยนต์ กลุ่มนี้  ถ้าหลีกเลี่ยง น้ำท่วมไม่ได้จริงๆ ควร ถอดกล่อง  ควบคุม เครื่องยนต์ออกด้วย   

เคยมีกรณี รถยนต์รุ่นใหม่ camry ไฮบริด ถูกน้ำท่วม จมน้ำทั้งคัน (ขั้วแบตไม่ได้ถอด) หลังจากน้ำท่วม  บริษัทประกันมาประเมิน บริษัทประกันไม่รับซ่อม ยอมซื้อทุนประกันคืน (camry ไฮบริด มีกล่องควบคุมเครื่องยนต์หลายใบมาก ควบคุมหลายระบบ) แต่ มีลูกค้าที่ผมรู้จักท่านนึง เล่าให้ฟังว่า  มีเพื่อนไปขอซื้อรถรุ่นนี้เป็นรถน้ำท่วม ต่อจากบริษัทประกันมา ซื้อมาประมาณ 8 แสนบาท ตอนนี้ซ่อมไปแล้วประมาณเกือบล้านบาท  เปลี่ยนกล่อง ecu  เกือบทุกใบ ทั้งหมดแล้ว  รถยนต์ ก็ยังไม่สามารถใช้งานได้


ตำแหน่งกล่อง ecu  เครื่องยนต์คือ ตำแหน่งที่  2  กล่อง ecu  เครื่องยนต์แบบนี้ เป็นกล่อง รุ่นไม่กันน้ำ 


หัวข้อ: Re: วิธีการป้องกันรถยนต์เมื่อโดนน้ำท่วมให้เกิดความเสียหายน้อยที่สุด
เริ่มหัวข้อโดย: J-Autogas ที่ ตุลาคม 12, 2011, 08:52:36 pm
จาก ประสบการณ์ที่เคยทำงานกับ บริษัท toyota มาก่อน   ช่วงนั้น มีเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ ที่หาดใหญ่ และรถยนต์สมัยนั้น  กล่อง ecu ยังเป็นแบบไม่กันน้ำ  ชิ้นส่วนที่มีการเปลี่ยนใหม่ มากที่สุด คือ   กล่อง ecu  ของเครื่องยนต์  ราคาตกใบละ ประมาณ  30,000 บาท 

แต่รถยนต์สมัยนั้น  กล่อง ecu  ภายในรถยนต์ยังมีแค่  1 ใบ คือ กล่องควบคุมเครื่องยนต์ และระบบเกียร์อัตโนมัติ อยู่ภายใน กล่องเดียวกัน 


แต่ รถยนต์สมัยนี้  หากเป็นรถยนต์ระบบ obd can   เช่น  new vios  new altis  กล่อง ecu  จะไม่ได้มีแค่  1 ใบ แบบนั้นแล้ว
แต่จะมี
1 กล่องควบคุม เครื่องยนต์ และระบบเกียร์อัตโนมัติ
2 กล่องควบคุมระบบแอร์อัตโนมัติ
3 กล่องควบคุม พวงมาลัยไฟฟ้า
4 กล่องควบคุม ระบบ abs 
5  กล่องควบคุมระบบ ถุงลมนิรภัย
หรือระบบอื่นๆที่ บริษัทรถยนต์ติดตั้งเพิ่มขึ้นมา  ทุกชิ้นส่วน  ที่มีมา จะมี กล่อง ควบคุม ติดตั้งเพิ่มขึ้นมา เพื่อควบคุมการทำงานทั้งหมด  แล้ว กล่อง เหล่านี้ จะทำงาน  ลิงค์กัน  สื่อสาร หากัน  เพื่อทำงาน ร่วมกัน   ดังนั้น รถยนต์ ยิ่งราคาแพง  ระบบอัตโนมัติ ยิ่งมาก  กล่องเหล่านี้ ก็จะยิ่งเพิ่มขึ้นมากว่านี้ อีก


หัวข้อ: Re: วิธีการป้องกันรถยนต์เมื่อโดนน้ำท่วมให้เกิดความเสียหายน้อยที่สุด
เริ่มหัวข้อโดย: J-Autogas ที่ ตุลาคม 12, 2011, 08:57:31 pm
แต่ปัญหา ที่เราคิดไว้  อาจไม่ได้เป็นเช่นนั้นทั้งหมด

เพราะ ถึงแม้ ว่า กล่อง ควบคุมเครื่องยนต์ที่อยู่ในห้องเครื่องยนต์อาจไม่เสียหาย 

แต่ กล่อง ecu ส่วนต่างๆ ที่ซ่อนอยู่ภายในห้องโดยสาร   อาจไม่ได้เป็นกล่อง ที่ออกแบบมาให้กันน้ำ   (ต้นทุนการผลิตกล่องให้เป็นรุ่นที่กันน้ำ มีต้นทุนการผลิตที่สูงกว่า กล่องรุ่นไม่กันน้ำ) ดังนั้น ถ้ารถจมน้ำขึ้นมาจริงๆ   กล่อง ecu ต่างๆ ที่อยู่ภายในห้องโดยสาร  อาจเสียหายจากน้ำท่วมได้

แนวทางที่ดีที่สุด คือต้องป้องกันไม่ให้ รถยนต์จมน้ำ  หากสามารถหลีกเลี่ยงได้



หัวข้อ: Re: วิธีการป้องกันรถยนต์เมื่อโดนน้ำท่วมให้เกิดความเสียหายน้อยที่สุด
เริ่มหัวข้อโดย: RUTS ที่ ตุลาคม 12, 2011, 11:29:33 pm
ขอบคุณช่างเจครับ ที่แนะนำความรู้ที่เป็นประโยชน์มากครับ


หัวข้อ: Re: วิธีการป้องกันรถยนต์เมื่อโดนน้ำท่วมให้เกิดความเสียหายน้อยที่สุด
เริ่มหัวข้อโดย: ESronal ที่ ตุลาคม 13, 2011, 10:22:14 am
ขอแนะนำเพิ่มเติม อีกหนึ่งไอเดีย จากคนไทยครับ สามารถ นำไปประยุกต์ ทำเองได้

http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X11173935/X11173935.html


หัวข้อ: Re: วิธีการป้องกันรถยนต์เมื่อโดนน้ำท่วมให้เกิดความเสียหายน้อยที่สุด
เริ่มหัวข้อโดย: J-Autogas ที่ ตุลาคม 13, 2011, 10:52:09 am
ขอแนะนำเพิ่มเติม อีกหนึ่งไอเดีย จากคนไทยครับ สามารถ นำไปประยุกต์ ทำเองได้

http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X11173935/X11173935.html
ไอเดีย เยี่ยม ครับ  แบบนี้  ก็ปลอดภัย แน่นอน อีกเหมือนกันครับ  แต่ ต้องมั่นใจ ว่า ถุงนั้นจะไม่มีโอกาส รั่วนะครับ


หัวข้อ: Re: วิธีการป้องกันรถยนต์เมื่อโดนน้ำท่วมใ
เริ่มหัวข้อโดย: J-Autogas ที่ ตุลาคม 13, 2011, 01:48:34 pm
อีกหนึ่งไอเดีย ครับ แบบนี้  ค่าใช้จ่าย ยางใน ล้อสิบล้อ  วงละประมาณ 500 บาท   สี่วง ตก ประมาณ สองพันบาท   น่าสนใจดีครับ

http://www.newaltisclub.com/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=29905


หัวข้อ: Re: วิธีการป้องกันรถยนต์เมื่อโดนน้ำท่วมให้เกิดความเสียหายน้อยที่สุด
เริ่มหัวข้อโดย: David6 ที่ ตุลาคม 13, 2011, 03:00:14 pm
ขอบคุณครับช่างเจ ในคำแนะนำสำหรับการป้องกัน


หัวข้อ: Re: วิธีการป้องกันรถยนต์เมื่อโดนน้ำท่วมให้เกิดความเสียหายน้อยที่สุด
เริ่มหัวข้อโดย: goldwing ที่ ตุลาคม 13, 2011, 10:30:29 pm
ขอบคุณ อ.เจ มากครับ สำหรับคำแนะนำ มีประโยชน์มากทีเดียวครับ.............




หัวข้อ: Re: วิธีการป้องกันรถยนต์เมื่อโดนน้ำท่วมให้เกิดความเสียหายน้อยที่สุด
เริ่มหัวข้อโดย: J-Autogas ที่ ตุลาคม 14, 2011, 07:36:39 pm
จาก ห้องรัชดา pantip.com

"คันเดียวที่รอดจากนิคมไฮเทค "
http://www.pantip.com/cafe/ratchada/topic/V11196468/V11196468.html


หัวข้อ: Re: วิธีการป้องกันรถยนต์เมื่อโดนน้ำท่วมให้เกิดความเสียหายน้อยที่สุด
เริ่มหัวข้อโดย: BANK ที่ ตุลาคม 17, 2011, 08:59:57 am
ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆครับพี่เจ

ตอนนี้ผมก็เสียวๆอยู่เหมือนกัน >*<


หัวข้อ: Re: วิธีการป้องกันรถยนต์เมื่อโดนน้ำท่วมให้เกิดความเสียหายน้อยที่สุด
เริ่มหัวข้อโดย: J-Autogas ที่ ตุลาคม 18, 2011, 10:33:46 pm
อีกหนึ่ง ไอเดียครับ  เก็บไว้เป็นความรู้  เผื่อถึงตอนฉุกเฉิน หาทางออกไม่ได้   จะได้ผ่อนหนักเป็นเบาได้ครับ

http://www.pantip.com/cafe/ratchada/topic/V11213561/V11213561.html


หัวข้อ: Re: วิธีการป้องกันรถยนต์เมื่อโดนน้ำท่วมให้เกิดความเสียหายน้อยที่สุด
เริ่มหัวข้อโดย: pond09 ที่ ตุลาคม 19, 2011, 11:47:15 am
ใช้ยางในรถ10ล้อ อัดลมให้แน่น แล้วผูกกับล้อๆ ละเส้น ก็ใช้ลอยน้ำได้ครับ
http://www.youtube.com/v/x0d612vvhcc?version=3&amp;hl=en_US[/flash]


หัวข้อ: Re: วิธีการป้องกันรถยนต์เมื่อโดนน้ำท่วมให้เกิดความเสียหายน้อยที่สุด
เริ่มหัวข้อโดย: J-Autogas ที่ ตุลาคม 19, 2011, 09:37:59 pm
อีก หนึ่งวิธีในกรณีที่ไม่สามารถนำรถ หนีน้ำได้ทัน    อุปกรณ์สำคัญ  คือ  ผ้าใบกันน้ำ  ผืนโต 

http://www.pantip.com/cafe/home/topic/R11215820/R11215820.html


" และคืนนั้นเองที่เกิดเหตุการณ์ที่จะไม่มีวันลืมเลย  เนื่องจากระดับน้ำภายนอกสูงเท่าหน้าอก  เขื่อนที่กั้นหน้าบ้านก็พังทะลายลงมีผลน้ำให้น้ำจำนวนมาทะลักเข้ามาในบ้าน,โรงรถ ทำให้ห่อมหกของชั้นที่ห่อเอาไว้ ค่อยๆลอยเด้งดึ๋งๆๆอยู่กลางสายน้ำ  ทำให้ชั้นและครอบครัวจึงต้องค่อยๆลากไอ้ห่อหมกที่ลอยเท้งเต้งอยู่นี้ ดันไปตามสายน้ำจนกว่าจะถึงฝั่งถนน  จากนั้นจึงค่อยๆแกะผ้าออกแล้วขับไปยังที่ปลอดภัย   โชคดีมากที่รถแห้งสนิท ไม่มีน้ำซึมเข้ามาเลย  เทคนิคห่อหมกนี่ได้ผลจริงๆ "


หัวข้อ: Re: วิธีการป้องกันรถยนต์เมื่อโดนน้ำท่วมให้เกิดความเสียหายน้อยที่สุด
เริ่มหัวข้อโดย: J-Autogas ที่ ตุลาคม 26, 2011, 04:31:28 pm
สำหรับพื้นที่  ที่คาดว่า น้ำจะท่วมเข้าไปถึง  หรือ  รถจอดอยู่ในพื้นที่น้ำท่วมถึง  และไม่สามารถนำรถ หนีน้ำออกมาได้   แนะนำให้หาวิธี  ป้องกันน้ำเข้ารถให้สุดความสามารถ เพราะถึงแม้ว่า  รถจะมีประกันภัยชั้นหนึ่ง  ซึ่งจะคุ้มครองตัวรถ ในกรณีรถโดนน้ำท่วม  ทางบริษัทประกันจะทำการซ่อมรถให้  กลับสู่สภาพเดิมสามารถใช้งานได้ปกติ  แต่ ระยะเวลา กว่า  ประกันจะเคลมให้   กว่ารถจะได้ รอคิวเข้าซ่อมตามศูนย์ บริการรถยนต์  และ จากจำนวนรถที่ประสบภัยน้ำท่วม จำนวนมาก   จะทำให้ ระยะเวลาในการซ่อมรถหลังน้ำลดแล้ว  จะกินเวลา  นานหลายเดือน ครับ 

ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุด คือ  ต้องป้องกันไม่ให้รถโดนน้ำท่วม  หรือ  น้ำเข้ารถได้ครับ

สำหรับท่านที่อยู่ในภาวะเสี่ยง หรือ ไม่มั่นใจ ว่าจะรอดพ้น หรือไม่ แนะนำ ให้หาซื้อ ยางในรถสิบล้อ ประมาณ 4 วง ติดไว้กับบ้านครับ  หากน้ำท่วมเข้ามา แล้วไม่สามารถนำรถหนีได้ทัน สามารถใช้ยางเหล่านี้  เป็นตัว รองเพื่อดันให้ตัวรถ ลอยเหนือ น้ำได้ครับ

ย่านแจ้งวัฒนะ มีร้านปะยาง ที่อยู่ติดกับร้านผมอยู่  ขายอยู่ เส้นละ 450 บาท ท่านใด สะดวก มาซื้อไปเก็บไว้ได้ครับ

(ปล. ถนนเส้นแจ้งวัฒนะ ตั้งแต่ หลักสี่ จนถึง  ท่าน้ำปากเกร็ด  น้ำยังไม่ท่วม ถนนแห้งตลอดสาย ครับ)


หัวข้อ: Re: วิธีการป้องกันรถยนต์เมื่อโดนน้ำท่วมให้เกิดความเสียหายน้อยที่สุด
เริ่มหัวข้อโดย: teelaban ที่ ตุลาคม 26, 2011, 10:42:52 pm
วีโก้ 2.7 เรา กล่อง ECU กันน้ำรึปล่าวนายช่าง
บ้านผมน้ำท่วมแล้วหละ แต่รถยังรอด ถามไว้เผื่อไปลุยน้ำแล้วรถดับ


หัวข้อ: Re: วิธีการป้องกันรถยนต์เมื่อโดนน้ำท่วมให้เกิดความเสียหายน้อยที่สุด
เริ่มหัวข้อโดย: J-Autogas ที่ ตุลาคม 26, 2011, 10:57:21 pm
วีโก้ 2.7 เรา กล่อง ECU กันน้ำรึปล่าวนายช่าง
บ้านผมน้ำท่วมแล้วหละ แต่รถยังรอด ถามไว้เผื่อไปลุยน้ำแล้วรถดับ
กล่อง ecu เครื่องยนต์เป็นแบบ ไม่กันน้ำ ครับ

หากลุยน้ำ แล้ว น้ำเข้ารถ ต้องปลดกล่อง ecu เครื่องยนต์ออกมาด้วยครับ  แต่ วีโก้ การลุยน้ำ  ลุยได้สูงแค่ มิดล้อนะครับ หากสูงกว่านี้  น้ำจะเริ่มเข้า หม้อกรองอากาศ จะทำให้น้ำเข้าเครื่องยนต์ได้ครับ  หากจะลุยน้ำลึก จริงๆ  ต้องติดตั้ง ท่อหายใจ เพิ่มครับ


หัวข้อ: Re: วิธีการป้องกันรถยนต์เมื่อโดนน้ำท่วมให้เกิดความเสียหายน้อยที่สุด
เริ่มหัวข้อโดย: lpg_crazy ที่ พฤศจิกายน 01, 2011, 07:19:02 pm
ถ้าหากถอดแบตเตอรี่ + กล่อง ECU รถ + กล่อง ECU แก๊ส ออก
แล้วใส่กลับคืนไปตอนน้ำรถ จะต้องจูนอะไรใหม่บ้างหรือป่าวครับ


หัวข้อ: Re: วิธีการป้องกันรถยนต์เมื่อโดนน้ำท่วมให้เกิดความเสียหายน้อยที่สุด
เริ่มหัวข้อโดย: J-Autogas ที่ พฤศจิกายน 01, 2011, 08:08:55 pm
ประกอบกลับไป  ค่าทุกอย่างใน กล่อง ecu gas europegas  ยังอยู่เหมือนเดิม  สามารถใช้งานระบบแก๊ส ได้เลย ครับ


หัวข้อ: Re: วิธีการป้องกันรถยนต์เมื่อโดนน้ำท่วมให้เกิดความเสียหายน้อยที่สุด
เริ่มหัวข้อโดย: J-Autogas ที่ พฤศจิกายน 26, 2011, 11:01:12 pm
คำแนะนำ 

" รถจมน้ำ + ราคาติดตั้งแก็ส Europe ของ almera เท่าไร่คับผม "

http://jautogas.com/board/index.php?topic=2499.0